จองเที่ยวบินไปเบงกาลูรูกับการบินไทย เริ่มต้นที่ THB12,270

ภาพรวม

มีเมืองไม่มากนักในอินเดีย (India) ที่แปลงโฉมอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่การประกาศเอกราชของอินเดียวเช่นเดียวกับเมืองเบงกูรู (Bengaluru) เมืองที่ครั้งหนึ่งมีขนาดกะทัดรัด เป็นเมืองแห่งสวน (Garden City) ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เป็นศูนย์ขับเคลื่อนด้านไอทีที่สำคัญและกำลังจะเป็นมหานครอันยิ่งใหญ่ นอกจากแสงสียามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื่อชาติ วัฒนธรรมและคาเฟ่แล้ว เมืองสะอาดเอี่ยมและเงียบสงบแห่งนี้ยังมีสถานที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากมาย รวมไปถึงพระบรมมหาราชวังหลายแห่ง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจากยุคราช (Raj-ere) และหมู่มวลพฤกษชาติขนาดใหญ่

 

การเดินทาง

ทางเท้าในเบงกูรูทั้งคับแคบ เป็นหลุมเป็นบ่อ แถมบางครั้งก็ไม่มีเลย การเดินทางที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่การเดิน ดังนั้นขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินติดแอร์อย่างทันสมัยแทนจะดีกว่า สำหรับสถานที่ที่รถโดยสารเข้าไม่ถึง การนั่งรถสามล้อเครื่องหรือรถแท็กซี่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว

 

สถานที่น่าเที่ยวและทำกิจกรรม

แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในเบงกูรูจะครอบคลุมด้วยย่านค้าและความสมัยใหม่ แต่ศูนย์กลางย่านนี้ก็ยังคงรักษาสภาพจากยุคราชไว้ หนึ่งในนั้นก็คือสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งถูกทิ้งไว้โดยชาวอังกฤษนั่นก็คือ พระราชวังบังกาลอร์ (Bangalore Palace) ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยมีต้นแบบมาจากพระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle) ในประเทศอังกฤษ อีกร่องรอยอดีตที่เก่าแก่ยิ่งกว่า คุณก็สามารถไปชมได้ที่พระราชวังฤดูร้อนของ Tipu Sultan โครงสร้างพระราชวังไม้สักที่แกะสลักอย่างประณีตบรรจง ครั้งหนึ่งถูกครอบครองโดยผู้ปกครองราชอาณาจักรไมซอร์ (Kingdom of Mysore) ในช่วงศตวรรษที่ 18

ครั้งหนึ่งเมืองเบงกูรูเป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองแห่งสวน” แม้มีการก่อสร้างมากมายเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ไม่น้อยเกินไปสำหรับพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะเปิดที่มีมูลค่ามากที่สุด สวนคับบอน (Cubbon Park) ขนาดใหญ่ที่มีทั้งสวนไผ่ ดอกไม้และแหล่งชมนกนานาชนิด ทำให้ถนนอันวุ่นวายในศูนย์กลางธุรกิจที่อยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนไกลออกไปทีเดียว

ใครอยากดื่มด่ำชีวิตจิตวิญญาณของเมือง ควรมุ่งหน้าไปที่วัดสมัยศตวรรษที่ 17 อย่างวัด Kote Venkataramana หรือวัด Hare Krishna Iskcon วัดใหม่กว่าที่สวยเด่นสะดุดตา ศูนย์รวมประเพณีและสถาปัตยกรรมสไตล์อัลตร้าโมเดิร์น อย่างไรก็ดีที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันยังมีแหล่งอนุสรณ์สถานศาสนาต่างๆ ของเมืองอีกมากมาย    

เรื่องความบันเทิงนั้น หากการสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นที่ว่าค่อนข้างวุ่นวายแล้ว ไปฝ่าฝูงชนแน่นขนัดที่ตลาดกฤษณะราเจนดร้า (Krishnarajendra Market) เสียงตะโกนของพ่อค้าแม่ค้า กลิ่นหอมแตะจมูกและการจัดเรียงผัก ผลไม้และเครื่องเทศสีรุ้งหลากตา ซึ่งความสุขส่วนมากที่คุณจะได้รับก็มาจากการซึมซับกิจกรรมอันแสนวุ่นวายของที่นี่นั่นเอง

 

 

อัญมณีที่รอการค้นหา

 ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสามชั่วโมง ทางตอนใต้ของเมืองเป็นที่ตั้งของน้ำตกศิวะสมุทรัม  (Shivasamudram Falls) น้ำตกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอินเดีย (India) สายน้ำจะไหลบ่าลงมาตามหน้าผาหินทำให้เกิดหมอกจางกระจายตัวลอยขึ้นไปในอากาศ ป้าไม้เขียวขจีของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคอเวอรี (Cauvery Wildlife Sanctuary) ที่ล้อมรอบน้ำตกก็เป็นภาพที่ชวนตะลึงยิ่งนัก

อีกจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้สำหรับการเดินทางระยะสั้น คือ Ramadevara Betta Hill ใครหลงใหลบอลลีวู้ด (Bollywood) บริเวณนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ขวัญใจผู้ชมเรื่อง ‘70s blockbuster 'Sholay' คนที่เดินทางมาเช้าเย็นกลับก็มาที่นี่เพื่อไต่ผาหินลาดชัน เฝ้ามองฟากฟ้าเบื้องบนที่มีแร้งสีน้ำตาลบินผ่านมาเป็นครั้งคราว

 

อาหารและเครื่องดื่ม

ที่นี่ก็เหมือนเมืองที่โตเร็วหลายๆ เมือง ทางเลือกในการทานอาหารในเมืองเบงกูรูมีหลากหลายจากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณอยากลอง คุณสามารถลิ้มรสชาติอาหารต่างๆ หลายสัปดาห์โดยไม่ทานอาหารพื้นเมืองเลยก็ยังได้ แต่ โอ้ นั่นคงน่าเสียดายแย่ เพราะอาหารมังสวิรัติของอินเดียใต้ ถือเป็นเมนูโดดเด่นของที่นี่ ทีเด็ดเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงอิดลี idlis อันนุ่มฟู (เค้กข้าวนึ่งปรุงรส) มาซาล่า โดซะ masala dosa (แพนเค้กยัดไส้มันฝรั่งปรุงรสเครื่องเทศและชัทนีย์ (Chutney)) และ paddu (ถั่วดำและแป้งข้าวนึ่ง) มีคาเฟ่อยู่ทุกหนทุกแห่งในเมืองเบงกูรู และแม้ว่ากาแฟเอสเพรสโซจะมีอยู่อย่างแพร่หลาย แต่กาแฟที่นิยมสั่งกันจริงๆ มักเป็นกาแฟดริปแบบอินเดียใต้ (South Indian filter coffee) มากกว่า ซึ่งมักใช้กาแฟอาราบิก้าและชีคอริผสมกัน